top of page
  • Facebook
  • Instagram
  • Twitter
  • YouTube
  • Pinterest

พม่า

  • Writer: บุรีรัตน์ อุประ
    บุรีรัตน์ อุประ
  • Jul 3, 2023
  • 1 min read

Updated: Aug 13, 2023

ชื่อกลุ่มชาติพันธุ์ : พม่า

ประวัติและที่มา

ชาวพม่ากับการเข้ามาตั้งรากฐานในประเทศไทยมีเรื่องราวสาวยาวมานานช้าตั้งแต่สมัยอยุธยา ดินแดนล้านนาหรือภาคเหนือของไทยเคยถูกปกครองโดยพม่าถึงสองร้อยกว่าปี (ค.ศ. 1558 - 1774) รวมถึงการที่พระเจ้ากาวิละ (เจ้าเมืองเชียงใหม่ ค.ศ.1782 - 1813)กวาดต้อนผู้คนจากดินแดนใกล้เคียงเข้ามาเป็นพลเมืองล้านนาทำให้ล้านนามีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ต่อเนื่องด้วยการหลั่งไหลเข้ามาของชาวพม่าที่เข้ามากับบริษัทค้าไม้ของอังกฤษในยุคอนานิคมจนกลายมาเป็นกลุ่มนายทุนและพ่อค้าที่สำคัญต่อเศรษฐกิจล้านนา ในปัจจุบันยังมีการหลั่งไหลเข้ามาของชาติธุ์พม่าอยู่ในฐานะแรงงานเป็นส่วนใหญ่ จังหวัดตากมีอาณาเขตชายแดนที่ติดกับประเทศพม่า จึงมีการอพยพจากพม่าเข้ามาในพื้นที่จังหวัดตากจำนวนมาก ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีชาติพันธุ์พม่าในจังหวัดตากแพร่หลาย เช่น อำเภอพบพระ อำเภอแม่สอด

ถึงอย่างนั้นปัญหาความไม่สงบระหว่างชายแดนก็เกิดขึ้นบริเวณโดยรอบจังหวัดตากบ่อยครั้งนับตั้งแต่อดีตด้วยเหตุผลหลายประการ จึงมีการสร้างสะพานแม่นำ้เมย,สะพานมิตรภาพ ไทย-พม่า ขึ้นมา ซึ่งตั้งอยู่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเชื่อมไปถึงเมืองเมวดี จุดประสงค์เพื่อกระชับมิตรระหว่างไทยกับพม่า รวมถึงเป็นทางที่ใช้คมนาคมอีกด้วย


วิถีชีวิตและวัฒนธรรม

การมีชาติพันธุ์พม่าอยู่ในจังหวัดตากมาช้านาน วัฒนธรรมการใช้ชีวิตของกลุ่มชนพม่ามีบทบาทในหลายๆด้านของคนไทยในจังหวัดตาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินที่มีการนำเอาอาหารพม่ามาปรับเข้ากับอาหารพื้นเมือง ทำให้มีอาหารได้เลือกทานหลากหลายมากขึ้น รวมถึงการค้าขายของชาวพม่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในจังหวัดตาก

ศาสนาและความเชื่อ

พม่าหรือเมียนมามีความโดดเด่นในเรื่องการศรัทธาพุทธศาสนา มีเจดีย์และศาสนสถานในพุทธศาสนาจำนวนมาก ประชากรกว่า 87 % นับถือพุทธศาสนา แต่ในขณะเดียวกันมีประชากรบางส่วนที่นับถือพลังเหนือธรรมชาติจำนวน 4.5% คริสต์ศาสนา 4 % อิสลามและฮินดู 1.5%

พระพุทธศาสนา พม่าบัญญัติให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติตั้งแต่ปีค.ศ.1974 ปัจจุบันพุทธศาสนาเป็นสถาบันที่แข็งแกร่งที่สุดในพม่า สืบเนื่องจากประเพณีปฏิบัติอันยาวนานหลายประการ ประการแรก ความใกล้ชิดระหว่างสถาบันกษัตริย์กับสถาบันภิกษุ ซึ่งต่างก็พึ่งพาอาศัยกันและกัน ประการที่สอง การรักษาความเข้มข้นขององค์ความรู้และวินัย

“นัต” กับความเชื่อของชาวพม่า คำว่า “นัต” ปราชญ์ชาวพม่า เชื่อว่าคำนี้น่าจะมาจากคำว่า นาถ ในภาษาบาลี หมายถึง “ผู้เป็นที่พึ่ง” ตามกล่าวไว้ในตำรานิรุกติศาสตร์เก่าแก่เล่มหนึ่งของพม่า คือ โวหารลีนตฺถทีปนี แต่งโดย มหาเชยสงขยา และในสารานุกรมพม่า เล่ม 6 ได้นิยามคำว่า นัตไว้ในทำนองเดียวกัน โดยจัดแบ่งนัตไว้ 3 ส่วน คือ วิสุทินัต คือ ผู้บริสุทธิ์ อันหมายถึง พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ อุปปตฺตินัต คือ เทวดาและพรหมาที่อยู่บนสรวงสวรรค์ และ สมฺมุตินัต คือ พระราชา พระราชินี ตลอดจนราชบุตรราชธิดา นอกจากนี้ยังกล่าวถึงเทพประจำจักรวาลว่าเป็นนัต เช่น เทพประจำดาวนพเคราะห์ สุริยเทพ จันทราเทพ อัคนีเทพ และวาโยเทพ

ศาสนาฮินดูฮินดู เป็นศาสนาที่ทรงอิทธิพลในราชสำนักพม่าในช่วงก่อนอาณานิคม ในปัจจุบัน แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่ในพม่าจะเป็นพุทธศาสนิกชนในพุทธศาสนา แต่ยังมีความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับ พระเจ้าสักกะมิน ชาวพม่าเชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของพระอินทร์ ในศาสนาฮินดู เทพเจ้าฮินดูหลายองค์เป็นที่เคารพบูชาของชาวพม่า อาทิเช่นพระศิวะ นอกจากนี้วรรณกรรมจำนวนมากของพม่ายังได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู เช่น รามายณะ ภาษาพม่าเรียกว่า Yama Zatdaw เป็นต้น (Religion in Myanmar, 2015)

คริสต์ศาสนา คริสต์ศาสนาในพม่าได้รับการเผยแพร่จากคณะมิชชันนารีเป็นเวลากว่า 150 ปีมาแล้ว คริสต์ศาสนาจากคณะอเมริกันแบบทิสต์ เป็นคณะแรกที่เดินทางเข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนายังดินแดนพม่า สามารถเปลี่ยนความเชื่อทางศาสนาของชาวพุทธในพม่าได้บ้างเป็นส่วนน้อย แต่ขณะเดียวกันในหมู่ชนกลุ่มน้อยที่นับถือสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติกลับมีแนวโน้มที่จะรับนับถือคริสต์ศาสนาได้มากกว่า เช่น กะเหรี่ยง กะฉิ่น และ ฉิ่น คริสต์ศาสนิกชนในพม่าจึงมักเป็นชนกลุ่มน้อย (Steven, 2002:62)

ศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลามเข้าสู่พม่าในปีค.ศ.1827 โดยพ่อค้าชาวอาหรับ ชาวมุสลิมในพม่าประกอบไปด้วย 2 กลุ่ม คือ โรฮิงญา และ ปันทาย สำหรับชาวมุสลิมโรฮิงญา ในรัฐอาระกันหรือรัฐระคาย ทางชายแดนทางตะวันตกของประเทศพม่า ติดกับชายแดนบังคลาเทศ มีลักษณะร่างกาย ภาษาที่ใช้ใกล้เคียงกับภาษาเบงกาลี ในบังคลาเทศ ประเทศเพื่อนบ้านมุสลิมทางตะวันตก จากเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์และความแตกต่างทางชาติพันธุ์ที่ชัดเจน ชาวโรฮิงยาไม่เคยถูกยอมรับว่าเป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศพม่า เนื่องจากผลพวงของสงครามระหว่างอังกฤษกับพม่า (M.Athyal, 2015:194)

ประเพณี/เทศกาล

เดือนหนึ่ง เรียกว่า เดือนตะกู (มี.ค. - เม.ย.) เป็นเดือนเริ่มศักราชใหม่และเป็นเดือนต้นฤดูร้อน ประเพณีสำคัญของเดือนนี้คืองานฉลองสงกรานต์ พม่าถือเป็นงานฉลองวันส่งท้ายปีเก่าและย่างสู่ปีใหม่ มีการเล่นสาดน้ำกันตลอด 5 วัน ชาวพม่าถือว่าช่วงเวลานี้เป็นวันมงคล

เดือนสอง เรียกว่า เดือนกะโส่ง (เม.ย. - พ.ค.) พม่ามีสำนวนว่า “ตะกูน้ำลง กะโส่งน้ำแล้ง” เดือนกะโส่งจึงเป็นเดือนที่แห้งแล้ง ภาวะอากาศในเดือนนี้ร้อนอบอ้าวกว่าเดือนอื่นๆ ชาวพุทธพม่าจึงจัดงานรดน้ำต้นโพธิ์กันในวันเพ็ญของเดือนกะโส่ง และถืออีกว่าวันนี้ตรงกับวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน

เดือนสาม เรียกว่า เดือนนะโหย่ง (พ.ค. - มิ.ย.) เป็นเดือนเริ่มการเพาะปลูก ฝนเริ่มตก อากาศเริ่มคลายร้อน ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มแตกยอด โรงเรียนต่างเริ่มเทอมใหม่หลังจากปิดภาคฤดูร้อน เดือนนะโหย่งจึงนับเป็นเดือนเริ่มชีวิตใหม่ ในสมัยที่ยังมีกษัตริย์ปกครองเคยจัดพิธีแรกนาขวัญในเดือนนี้ พม่าเรียกพิธีนี้ว่า “งานมงคลไถนา”

เดือนสี่ เรียกว่า เดือนหว่าโส่ (มิ.ย. - ก.ค.) ถือเป็นเดือนสำคัญทางพุทธศาสนาด้วยเป็นเดือนเข้าพรรษา พม่ากำหนดให้วันเพ็ญเดือนหว่าโส่เป็นวันธรรมจักร เพื่อน้อมรำลึกวันประสูติ วันออกบวช และวันปฐมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เดือนห้า เรียกว่า เดือนหว่าข่อง (ก.ค. - ส.ค.) เป็นเดือนกลางพรรษา และเป็นเดือนที่มีงานบุญสลากภัต พม่าเรียกว่า ส่าเยดั่งบแว แต่เดิมใช้การจับติ้ว ภายหลังหันมาใช้กระดาษม้วนเป็นสลากภัตมีกล่าวถึงกันน้อยลง

เดือนหก เรียกว่า เดือนต่อตะลีง (ส.ค. - ก.ย.) เป็นเดือนน้ำหลาก น้ำตามแม่น้ำลำคลองจะเอ่อเต็มตลิ่ง หลายท้องถิ่นจะจัดงานแข่งเรือกันอย่างสนุกสนาน

เดือนเจ็ด เรียกว่า เดือนดะดีงจุต (ก.ย. - ต.ค.) ในวันเพ็ญของเดือนนี้จะมีการทำปาวารณาในหมู่สงฆ์ ชาวพุทธพม่าเรียกวันนี้เป็นวันอภิธรรม ด้วยเป็นวันที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

เดือนแปด เรียกว่า เดือนดะส่องโมง (ต.ค. - พ.ย.) เป็นเดือนเปลี่ยนฤดูจากหน้าฝนย่างเข้าหน้าหนาวในทางพุทธศาสนาเดือนดะส่องโมงถือเป็น เดือนสำหรับงานทอดกฐิน ในงานกฐินจะมีการแห่ครัวทานที่พม่าเรียกว่า ปเด่ต่าบี่งหรือต้นกัลปพฤกษ์ และในวันสุดท้ายของฤดูกฐิน ซึ่งตรงกับวันเพ็ญของเดือนดะส่องโมงนั้น ชาวพุทธพม่าจะมีการจัดงานจุลกฐิน พม่าเรียกจุลกฐินนี้ว่า มโตตี่งกาง แปลตามศัพท์ว่า “จีวรไม่บูด” เทียบได้กับอาหารที่ไม่ทิ้งให้ค้างคืนจนเสีย

เดือนเก้า เรียกว่า เดือนนะด่อ เป็นเดือนที่เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ชาวนา จะนวดข้าวและสงฟางสุมเป็นกอง เดิมเคยเป็นเพียงเดือนสำหรับบูชานัตหลวงหรือผีหลวง ณ เขาโปปาแห่งเมืองพุกาม แต่ปัจจุบันพม่ากำหนดให้มีงานเทิดเกียรติกวีและนักปราชย์ของพม่าแทน

เดือนสิบ เรียกว่า เดือน ปยาโต่ (ธ.ค. - ม.ค.) เดือนนี้เป็นเดือนที่หนาวจัด กวีหญิงของพม่าสมัยคอนบองนามแหม่เคว เคยบันทึกไว้ว่า “เดือนปยาโต่ หนาวเหน็บจนกายสั่น ผิงไฟยังมิอุ่น ห่มผ้าหลายผืนยังมิคลาย”

เดือนสิบเอ็ด เรียกว่า เดือนดะโบ๊ะดแว (ม.ค. - ก.พ.) ในเดือนนี้ชาวพม่ารำลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ย่อมต้องทรงผจญต่อภัยหนาวเช่นกันและเชื่อว่าการผิงไฟจะช่วยให้ธาตุ 4 คืนสู่สมดุลย์ ชาวพม่าจึงจัดงานบุญบูชาไฟแด่พระพุทธและพระเจดีย์ ซึ่งเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า เรียกว่างานหลัวไฟพระเจ้า หรือ งานบุญไฟ ปัจจุบันยังคงมีงานบุญเช่นนี้เฉพาะในบางท้องที่ของพม่าตอนบนในเดือนนี้ยังมีงานกวนข้าวทิพย์ หรือ ถะมะแน

เดือนสิบสอง เรียกว่า เดือนดะบอง (ก.พ. - มี.ค.) ในเดือนนี้อากาศจะเริ่มคลายหนาว และเริ่มเปลี่ยนไปสู่ฤดูร้อนในช่วงหลังของเดือน ประเพณีสำคัญคืองานก่อเจดีย์ทราย

งานไหว้พุทธเจดีย์ในพม่า นิยมจัดกันในเดือนดะส่องโมง (ต.ค. - พ.ย.) อันเป็นเดือนพ้นฤดูฝน หลังออกพรรษา และหมดภาระจากการเก็บเกี่ยวพืชผลในไร่นา ชาวพุทธพม่ามีเจดีย์เป็นที่พึ่งทางใจ การไหว้พระเจดีย์ในช่วงงานฉลององค์พระ จึงนับเป็นโอกาสอันสำคัญที่ชาวพุทธพม่าให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งการทำบุญสร้างกุศลแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาแห่งความบันเทิง (วิรัช นิยมธรรม และ อรนุช นิยมธรรม, 2551:94)



ree

 
 
 

Comments


10454448_992471017449585_6515786319780867741_n-removebg-preview_edited.png

Hi, thanks for dropping by!

กลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดตาก มี 9 กลุ่ม ได้แก่ ปกาเกอะญอ (กะเหรี่ยง) / ม้ง (แม้ว) / เมี่ยน (เย้า)  /ลีซู (ลีซอ) / อาข่า (อีก้อ) / จีนฮ่อ/ ลัวะ (ละว้า)

/ ล่าหู่ (มูเซอ)/ พม่า

bottom of page